การนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจ SME และผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าราคาประหยัด แต่บางประเภทอาจถูกเรียกเก็บ ภาษีนำเข้าในอัตราสูง ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด ดังนั้น การรู้ล่วงหน้าว่า สินค้าจากจีนแบบไหนที่โดนภาษีสูง จะช่วยวางแผนการสั่งซื้อได้ดีขึ้น
ภาษีนำเข้า (Import Duty) คือ ภาษีที่กรมศุลกากรเรียกเก็บจากสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยอัตราภาษีขึ้นอยู่กับ:
ประเภทสินค้า (พิกัดศุลกากร)
ประเทศต้นทาง (บางประเทศมีข้อตกลงการค้าเสรี)
มูลค่าสินค้า (รวมค่าขนส่งและประกันภัย)
สินค้าประเภท โทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต, เครื่องชาร์จ, อุปกรณ์ IT มักถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 5-30% เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีการควบคุมมาตรฐานความปลอดภัย
วิธีลดภาษี:
ตรวจสอบพิกัด HS Code ให้ถูกต้อง
เลือกสินค้าที่มีใบรับรองมาตรฐาน (เช่น CE, FCC)
เสื้อผ้าแบรนด์เนมหรือสินค้าที่คล้ายของแบรนด์ดังอาจโดนภาษี 20-40% เพื่อปกครองลิขสิทธิ์
วิธีลดภาษี:
สั่งสินค้าแบบไม่มีแบรนด์ (Generic)
ใช้สิทธิ์ FTA ระหว่างจีน-อาเซียน (ถ้ามี)
ของเล่นเด็กที่ไม่มีมาตรฐานความปลอดภัยอาจโดนภาษี 10-30% หรือถูกยึดหากไม่ผ่านการตรวจสอบ
วิธีลดความเสี่ยง:
เลือกสินค้าที่มีมาตรฐาน EN71 (ยุโรป) หรือ ASTM (อเมริกา)
ตรวจสอบรายการสินค้าต้องห้ามนำเข้า (อ่านเพิ่มเติมที่นี่)
สินค้าเหล่านี้ต้องผ่าน อย. หากนำเข้าในปริมาณมากอาจโดนภาษี 10-30% และค่าธรรมเนียมตรวจสอบเพิ่ม
วิธีลดภาษี:
สั่งในปริมาณน้อย (Personal Use)
ตรวจสอบว่าไม่ใช่สินค้าต้องห้าม (รายการสินค้าต้องห้าม)
อะไหล่รถยนต์จากจีนอาจโดนภาษี 20-50% ขึ้นอยู่กับประเภท
ทางเลือกที่ดีกว่า:
สั่งผ่านบริษัทนำเข้าที่มีใบอนุญาต
เลือกสินค้าที่ผลิตในเขตเศรษฐกิจพิเศษ
HS Code (พิกัดศุลกากร) เป็นตัวกำหนดอัตราภาษี ควรตรวจสอบกับกรมศุลกากรล่วงหน้า
จีนและไทยมีข้อตกลง ACFTA ช่วยลดภาษีบางรายการเหลือ 0%
บางบริษัทมีช่องทางลดภาษีแบบถูกกฎหมาย เช่น การส่งแบบแบ่งส่วน (Break Bulk)
สินค้าจากจีนบางประเภท เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, เสื้อผ้าแบรนด์, ของเล่นเด็ก, เครื่องสำอาง, และอะไหล่รถยนต์ มักโดนภาษีนำเข้าสูง การรู้กฎหมายและวิธีลดภาษีจะช่วยประหยัดต้นทุนได้มาก
หรืออ่านบทความเพิ่มเติม: